November rain ฝนตกเดือนพฤศจิกาสร้างปัญหากับผลกาแฟอย่างไร?
อัพเดทล่าสุด: 12 พ.ย. 2025
115 ผู้เข้าชม

November rain ฝนตกเดือนพฤศจิกาสร้างปัญหากับผลกาแฟอย่างไร?
ฝนตกต่อเนื่องกันมาหลายวันแล้ว พี่น้องเกษตรกรกาแฟทำได้แต่นั่งมองด้วยความอึดอัดใจเพราะไม่สามารถเข้าไปแก้ไขอะไรได้เลยในยามนี้คนบนดอยกำลังเผชิญสถานการณ์อะไรอยู่บ้าง คนข้างล่างจะรู้ไหม?
ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่กาแฟจะไม่ต้องการฝนปริมาณมากๆ เพื่อให้วงจรการสุกของผลเชอร์รี่ดำเนินไปอย่างราบรื่น และเกษตรกรสามารถทำการตากกาแฟได้ แต่เมื่อน้ำยังมาอากาศชื้นจัดไม่เพียงแต่จะทำงานยากเท่านั้นแต่เชอร์รี่ยังเกิดความเสียหายที่ยากจะแก้ไขด้วย
มาทำความเข้าใจในเชิงวิทยาศาสตร์กันนะครับ
-----------
กลไกความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อฝนตกหนักในช่วงเดือนเก็บเกี่ยว
- ผลร่วง ฝนตกหนักทำให้ผลกาแฟสุกร่วงลงจากต้นทั้งจากแรงกระทบของฝนและปัจจัยเสริมคือขั้วผลที่อ่อนนุ่มกว่าปกติ สาเหตุที่ขั้วผลอ่อนขึ้นก็เพราะเมื่อมีน้ำและความชื้นสูงมากๆ รากและต้นจะได้รับออกซิเจนน้อยลงจากสภาวะอับออกซิเจน (Hypoxia) ฮอร์โมน ethylene จะถูกผลิตและมีการสะสมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณขั้วผล (abscission layer) อ่อนนุ่มหลุดร่วงลงพื้นง่ายขึ้นทั้งๆ ที่บางทีผลก็ยังไม่สุกจริง บางสวนอาจสูญเสียผลผลิต 10-30% ได้เลยถ้าฝนตกต่อเนื่องนานๆ
- ผลแตก - เนื่องจากการดูดน้ำมากเกินและความดันภายในผล (Water Uptake & Internal Pressure) เมื่อฝนตกหนักหลายวันติดต่อกัน ดินจะมีความชื้นสูงมากจนรากกาแฟดูดน้ำเข้าสู่ผลได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการสูญเสียน้ำทางการคายน้ำเพราะอากาศชื้นและมีเมฆปกคลุม ทำให้เกิด แรงดันน้ำภายในผลเชอรี่ (turgor pressure) สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะในผลที่กำลัง เปลี่ยนสี หรือ เริ่มสุก ซึ่งผนังเซลล์เริ่มอ่อนตัวจากกระบวนการสุกตามธรรมชาติ (cell wall degradation)ผลที่ผนังเซลล์อ่อนมากจะรับแรงดันไม่ไหว เกิดเป็น รอยแตกที่ผิวเปลือก (skin cracking) กลไกที่เกิดขึ้นในระดับผลเชอรี่ เมื่อน้ำถูกดูดเข้ามาอย่างรวดเร็ว น้ำตาลและสารละลายภายในผลจะ เจือจาง (dilution) ความดันในเซลล์เนื้อผล (pulp) สูงขึ้นเกิด micro-cracks ที่เปลือก เมื่อรอยแตกขยาย จะมี น้ำเมือก (mucilage) รั่วออกมา ผลที่แตกแบบนี้จะ แห้งก่อนเวลา และ เมล็ดภายในมีขนาดเบา (lighter bean) และ สีซีด เมล็ดลักษณะนี้ทำให้คะแนนคัพ (cup score) ลดลงอย่างชัดเจน
- เมื่อผลแตกก็เปิดโอกาสให้เชื้อจุลินทรีย์ไม่พึงประสงค์เข้าโจมตี ทำให้ผลเน่าเสีย หรือเกิดกลิ่นรสไม่พึงประสงค์จากการหมักที่ไม่มีการควบคุม การเติบโตของแบคทีเรียและราในช่วงเวลาก่อนเก็บเกี่ยวตามไปจนถึงช่วงแปรรูป (processing) ทำให้คุณภาพของกาแฟตกลงอย่างมาก การหมักในเนื้อเมือกตามแนวแผลแตกมักจะให้กลิ่นรสแบบ off-flavor
- ผลแตกทำให้น้ำระเหยออกจากผลอย่างรวดเร็วเมื่อสภาวะอากาศสลับจากชื้นไปเป็นแห้ง หลังฝนหยุดและแดดแรงจัด อุณหภูมิพื้นผิวผลจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่เนื้อในของผล (pulp) ยังคงอมน้ำอยู่มากเกิดความต่างของอัตราการหดตัวระหว่างผิวกับเนื้อใน (differential shrinkage) ผลที่มีรอยแตกอยู่แล้วจะเกิดการ ขยายรอยแตก หรือ ฉีกลึกเข้าไปถึงเนื้อเมล็ดเกิดแผลแตกที่ผลกว้างขึ้น น้ำในผลจะเกิดการระเหยจนแห้งอย่างรวดเร็ว กลายเป็นผลแห้งคาต้น ได้ง่าย ในที่สุดเราก็จะได้ผลที่แห้งคาต้น ผลลีบ ไม่สุก (immature)
- ความเครียดของต้นกาแฟ (Tree Stress) หลังจากที่ฝนหยุดแล้วอากาศเปลี่ยนเป็นร้อนจัด ทำให้การคายน้ำของพืชเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน สภาวะที่เปลี่ยนแปลงมากจะทำให้พืชเกิดความเครียด บางกรณีจะเห็นใบเหี่ยวเฉาแม้ดินยังเปียก
- ผลกระทบต่อคุณภาพในขั้นตอนหลังการเก็บเกี่ยว เมื่อเนื้อผลแตกและสัมผัสอากาศโดยตรง จะเกิดปฏิกิริยา oxidation ของ polyphenol และ anthocyanin (โดยเอนไซม์ PPO Polyphenol oxidase) แดดแรงและอุณหภูมิสูงจะเร่งปฏิกิริยานี้ทำให้เนื้อผลมีสีน้ำตาลคล้ำและมีกลิ่นหมัก-บูด และเปรี้ยวแหลม (fermented / sour taint)
การนำกาแฟที่บอบช้ำจากเหตุการณ์ฝนตกหนักก่อนเก็บเกี่ยวมาหมักจึงไม่ง่ายเลยที่จะได้ผลลัพธ์เป็นรสชาติที่ดี
สรุปโดยรวม พายุ ฝนตกหนักในเดือนเก็บเกี่ยวกาแฟทำให้ผลร่วงก่อนเก็บเกี่ยว = สูญเสียผลผลิตโดยตรง ผลแตกและแห้งอย่างรวดเร็วหลังหมดฝนจนเนื้อเกิดอาการไหม้แดด (sun burn) ปัญหาการปนเปื้อนของเชื้อราและแบคทีเรีย เม็ดลีบ แห้ง ไม่สุก ฯลฯ ซึ่งยากต่อการบริหารจัดการในเชิงคุณภาพในทุกๆ ทาง
----------------------เราจะแก้ปัญหาหรือลดผลกระทบได้อย่างไร?
ฝนหลงฤดูกลายเป็นแขกประจำของฤดูกาลกาแฟไปเสียแล้ว คำถามอยู่ตรงที่ว่าเราจะเตรียมการรับมือกับฝนอย่างไรเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว?แนวทางที่ผมพอมองเห็นในเวลานี้นะครับ
- ระบบ Shade Grown หรือปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ใหญ่ ช่วยลดความรุนแรงของลมและเม็ดฝนที่ตกกระทบผลกาแฟลงได้
- ทำต้นกาแฟให้แข็งแรงขึ้นโดยเฉพาะเซลล์ระดับโครงสร้างเพื่อให้ทนต่อแรงดันน้ำได้มากขึ้น เมื่อต้องการให้เขาแข็งแรงก็จะให้ความสำคัญของธาตุอาหารที่สนับสนุนความแข็งแรงนี้ เช่น Calcium, Boron, Magnesium, Potassium, Silicon
- วางระบบระบายน้ำในสวนให้ดี เพื่อพาปริมาณความชื้นสะสมในดินออกไปได้เร็วขึ้น ลดปัญหารากอมน้ำ
- แยกผลแตกและผลเสียก่อนแปรรูป เพื่อป้องกันการปนเปื้อนในถังหมักและเพิ่มการทำความสะอาดเชอร์รี่ก่อนการหมักหรือตากให้มากขึ้นเพื่อลดปริมาณเชื้อราหรือแบคทีเรียที่สะสมอยู่
- ไม่รีบนำผลที่แตกไปตากกลางแดดจัดทันที เราอาจจะผึ่งลมในร่มเอาไว้ก่อนสักระยะหนึ่ง ในความเห็นของผมการสีกาแฟพวกนี้แล้วทำเป็น washed หรือ semi-washed โดยไม่ตากแดดจัด น่าจะยังพอช่วยรักษาคุณภาพเอาไว้ได้โดยไม่เกิดปัญหา over fermentก หรือกลิ่นรส off-flavor
- ลดระยะเวลาในการหมักกาแฟลง และมีการควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในโซนที่เหมาะสม ไม่หมักร้อน
- หากจำเป็นต้องตากในช่วงฝนต่อเนื่อง ต้องมีโรงเรือนตากที่มีประสิทธิภาพ หากใช้ระบบ LTLH (Low Temperature Low Humidity Drying) ได้ก็จะมีประสิทธิภาพมาก
- จัดหาระบบไฟฟ้าสำรองเอาไว้ที่สวน
ปัญหาที่ใหญ่มากอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ดินสไลด์ หน้าดินพังทลาย ที่เกิดจากการที่ดินอุ้มน้ำเอาไว้มากจนถึงระดับที่รับไว้ไม่ไหว ซึ่งเกิดกับพื้นที่ปลูกกาแฟมาหลายพื้นที่แล้วในปีนี้ เราจำเป็นต้องมีองค์ความรู้และระบบการจัดการที่เข้มแข็งเพื่อนำมาเตรียมรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงอาจเป็นการดีที่จะมีการพัฒนา know how ใหม่ๆ ทั้งในแบบพร้อมใช้งานในพื้นที่ หรือมีเครือข่ายช่วยเหลือกันและกัน (network) คอยสนับสนุนทั้งกำลังคน กำลังความรู้ และกำลังทุน
ขอเป็นกำลังใจให้สู้ๆ นะครับพี่น้องทุกคน-----------------
เอกสารอ้างอิง
1. Phromsakha, P., & Klanrit, P. (2023). Impact of seasonal weather variations on physical properties of Robusta green coffee beans in Southern Thailand. Indian Journal of Agricultural Research, 57(6), 757-763. ARCC Journals. https://arccjournals.com/.../indian-journal-of.../AF-865
2. Winkler, A., Knoche, M., & Peschel, S. (2016). Rain cracking in sweet cherries is not due to excess water uptake but to localized skin phenomena. Horticultural Research, 3, 16018. Nature Research. https://doi.org/10.1038/hortres.2016.18
3. Perfect Daily Grind. (2016, December 2). How harvest rains destroy coffee crops. Perfect Daily Grind. Retrieved from https://perfectdailygrind.com/.../how-harvest-rains.../
#ฝนตกเดือนพฤศจิกาสร้างปัญหากับผลกาแฟอย่างไร?
#NovemberRain
ขอบคุณภาพประกอบจาก
เพจกาแฟโกลฮาคี-Klohaki Coffee กาแฟโกลฮาคี - Klohaki Coffee Roasters
กาแฟหอมเหาะ Hom-hoh Coffee
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในการแปรรูปกาแฟนั้นมีหลายขั้นตอนหลายกระบวนการที่แตกต่างกัน เกษตรกรอาจจะเลือกทำ Process ไปตามเป้าหมายด้านรสชาติและข้อจำกัดในการแปรรูป
#Epilogueเชอรี่ที่สมบูรณ์ หรือผลกาแฟที่สมบูรณ์คือจุดเริ่มต้นที่จำเป็นก่อนจะนำไปแปรรูปเป็นสารกาแฟหรือ green bean ที่โรงคั่วกาแฟนำไปคั่วจำหน่ายกัน

