Share

The Art of Fermentation ศิลปะในการหมักกาแฟแบบของปรีดา

Last updated: 14 Jan 2025
972 Views

The Art of Fermentation ศิลปะในการหมักกาแฟแบบของปรีดา

เรามี High Light รับปีใหม่ 2024 ที่ภูมิใจนำเสนอครับ

Bell เป็นกาแฟพิเศษที่เชื่อว่าชาวปรีดาจะต้องประทับใจได้ไม่แพ้กาแฟพิเศษตัวอื่นๆ โดยเฉพาะใครที่รัก Strawberry Field มาก่อนก็เชื่อได้เลยว่าจะหลงรัก Bell แน่นอน

จุดเด่นของ Bell คือเทคนิคการควบคุม Fermentation ที่สุดแสนจะประณีตของเรา ทุกจุดทุกขั้นตอนในระหว่างการโปรเสสของ Bell เป็นไปโดยคำนึงถึงคุณภาพของการเกิด Fermentation ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างกลิ่นรสโทน #berry และ ให้ acidity ที่ดีงามเป็นผลไม้สุกพอดีแบบเปรี้ยวอมหวาน (tangy sweet)
เมื่อเปิดตัวเป็นครั้งแรกรับต้นปี 2024 ซึ่งเป็นห้วงเวลาของการทำโปรเสสกาแฟไทย ผมจึงขอถือโอกาสเล่าถึงเคล็ดลับการควบคุม Fermentation ของกาแฟตัวนี้ เพื่อเป็นไอเดียและอาจเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ นักดื่ม นักโปรเสสทุกท่านนะครับ

---

การหมัก หรือ Fermentation ที่ดี สร้างกลิ่นรสงดงามได้มากมาย
ทันทีที่ผลเชอรี่สุกถูกเก็บจากกิ่งลงมายังกระสอบ การเกิดปฏิกิริยาการหมัก ก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว นักแปรรูปที่มีความเข้าใจจะปฏิบัติต่อเชอรี่อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้การ Fermentation เกิดในทิศทางที่ไม่ต้องการ
เพียงแค่ปล่อยให้เชอรี่ในกระสอบต้องอยู่ท่ามกลางอากาศร้อน เชอรี่สีแดงสดก็อาจกลายเป็นสีแดงช้ำได้ในข้ามวัน หากลองล้วงลงไปในกระสอบนั้นเราก็จะรู้สึกถึงอุณหภูมิสูงกว่าบรรยากาศโดยรอบ นั่นเป็นเพราะว่าปฏิกิริยาการหมักนั้น #สร้างพลังงานความร้อน เกิดขึ้นมาร่วมด้วยนั่นเอง

Fermentation เกิดจากอะไร?
ยีสต์ รา หรือแบคทีเรีย ต่างก็เป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและต้องการอาหารจำพวกน้ำตาลเพื่อใช้ในการหายใจหรือสร้างพลังงานในการดำเนินชีวิต เพิ่มจำนวนประชากร ผลกาแฟมีแป้งและน้ำตาลในส่วนเมือก (mucilage) ที่ถือเป็นแหล่งอาหารชั้นดีให้แก่เหล่าจุลินทรีย์ เมื่อมีการนำแป้งและน้ำตาลไปใช้ในการหมัก ผลผลิตที่เกิดจากปฏิกิริยาได้แก่สารประกอบหลายชนิด เช่น กรด แอลกอฮอล์ คาร์บอนไดออกไซด์ และความร้อน
ในสภาวะที่มีออกซิเจนมาก การหายใจ (ถือเป็น Fermentation อย่างหนึ่ง) จะเป็นวิถีหลักในการดำรงชีวิต แต่ในสภาวะที่มีออกซิเจนน้อย จุลินทรีย์มักจะเปลี่ยนวิถีการหมักไปเป็นรูปแบบของการสังเคราะห์แอลกอฮอล์

ดังนั้นการควบคุมสภาวะแวดล้อมและคอยติดตามการดำเนินไปในระหว่างการหมักจึงเป็นหัวใจสำคัญของการโปรเสสที่ดีของปรีดา

----

4 เทคนิคควบคุม Fermentation #ความละเอียดละออบนความรู้คือศิลปะ
1. การล้าง-ลอย และคัดแยกเชอรี่ ก่อนส่งเข้าไปหมักในภาชนะปิด
กว่าเชอรี่จะถูกส่งมาถึง plant การหมักก็อาจจะเดินไปแล้วระดับหนึ่ง การล้างด้วยน้ำสะอาดจะช่วยชะลออุณหภูมิและชำระล้างเอาคราบสกปรกและจะุลินทรีย์ไม่พึงประสงค์ (ซึ่งมักจะมากับเศษดินต่างๆ) ออกไปทำให้การหมักที่จะเกิดต่อจากนี้เกิดขึ้นโดยผลงานของจุลินทรีย์ที่ดี
การลอย และคัด เป็นการแยกเอาเชอรี่ที่ไม่สุกหรือเชอรี่ที่ความหนาแน่นต่ำออกจากกลุ่มเชอรี่คุณภาพ ทำให้การหมักได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

2. ใช้ยีสต์คุณภาพดี เพื่อให้ได้คาแรคเตอร์กลิ่นรสที่แน่นอน และควบคุมอุณหภูมิในระหว่างการหมัก เพื่อความสุขของยีสต์

อัตราการดำเนินไปของปฏิกิริยาการหมัก ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิเป็นอย่างมาก หากเราเลือกใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมจุลินทรย์ก็จะสร้างกลิ่นรสที่ดีในอัตราที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
โดยส่วนใหญ่แล้ว ปรีดาจะใช้ช่วงอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็นต่ำกว่า 25 C โดยทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเชอรี่ตอนที่เริ่มต้นหมักด้วย

3.การติดตามผลการหมัก
เราตรวจวัดค่าความเป็นกรด (pH) ไปพร้อมๆกับค่าความหวานของกาแฟผ่านการวัด TSS (Total Soluble Solid) เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้การหมักดำเนินอยู่ในช่วงต้น กลาง หรือช่วงท้ายแล้ว กาแฟที่มีความเป็นกรดสูงเกินไปจะมีความเสี่ยงต่อปัญหา over-fermented ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อคุณภาพ หรือถ้าค่าความหวานลดลงมากก็แสดงว่าอาหารของยีสต์กำลังจะหมดลงแล้ว การฝืนหมักต่อไปก็ไม่มีประโยชน์

พี่ปุ๊ก พี่นก พี่หมู และพี่หญิง เป็นทีมนักชิมกาแฟหมักตัวยง ที่ใช้ประสาทสัมผัสช่วยบอกว่าตอนนี้กรดที่เกิดขึ้นมีคุณภาพดีมั้ย? หวานดีหรือเปล่า? กลิ่นที่เกิดขึ้นในถังเป็นโทนกลิ่นที่ดีหรือไม่? ซึ่งทั้งหมดนี้เครื่องมือวัดที่ดีที่สุดก็คือ Sensory ของนักหมักนี่แหละ

ประสบการณ์งานหมักของสาวๆ อดีต Wine Maker มีประโยชน์อย่างมากต่องานโปรเสสกาแฟทุกตัวของปรีดาครับ

4. ควบคุม Fermentation ขั้นที่สองในห้องตาก LTLH
เชอรี่ที่เพิ่งถูกนำออกจากถังขึ้นไปยังแคร่และตะกร้าตากในห้อง LTLH จะยังมีพลังแห่งการเกิด Fermentation อยู่ค่อนข้างมาก การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการควบคุมคุณภาพของ Fermentation ในช่วงนั้นไปด้วย

กาแฟที่ตาก LTLH บนความเข้าใจ Fermentation จึงเป็นกาแฟที่ผ่านการควบคุมกลิ่นรสมาอย่างสมบูรณ์แบบและที่สำคัญ ห้องตากความชื้นต่ำนี้ยังเป็นห้องตากที่ช่วยถนอมคุณภาพสารอาหารที่อยู่ในเซลล์กาแฟไม่ให้สูญเสียไปเนื่องจากความร้อน ส่วนเรื่องการปนเปื้อนเนื่องจากเชื้อราต่างๆ ก็เป็นอันว่าหมดห่วงไปได้เลย

---

ความ Mix berry และ ความ Vibrant acidity ตามมาด้วย Floral note แบบดอกกุหลาบของ #Bell จึงเป็นผลงานของ Fermentation ที่ตั้งใจสุดๆ ของสาวๆ นักหมักแห่งปรีดาครับ

#CHEERS!


Related Content
Lemon Road: A Good Life Needs Both Sweet and Sour
When we first opened our coffee shop more than 20 years ago, we were just young dreamers, enjoying every bit of the entrepreneurial journey.
Huai Khwak Washed-SCM x LTLH
A solid 10 out of 10 Huai Khwak Washed-SCM x LTLH Clean, crisp, and beautifully balanced in every dimension.
โกลฮาคี (1) ความหลากหลายคือความพิเศษ
กาแฟที่นี่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ปลูกรวมกับผลไม้หลายชนิด มีทั้งพริก ขนุน มะนาว อะโวกาโดร
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว and นโยบายคุกกี้
Compare product
0/4
Remove all
Compare
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy